มะนาวดองน้ำผึ้ง ลดไขมัน ได้จริงหรือป่าว ? ⋆ ร้านดีเบล www.dbale.com

ความจริงอีกด้าน ของ มะนาวดองน้ำผึ้ง ลดไขมันได้ไหม จากหมอแมว

วันนี้ครับ (จริงๆ หลายวันแล้วล่ะ)
หลังจากที่มีเรื่องของ มะนาวดองน้ำผึ้ง ลดความอ้วน ลดไขมันออกไป จนมีคนอยากทำไว้กินเอง เพื่อกระชับหุ่น

ล่าสุด หมอแมว blogger ซึ่งเป็นหมอจริงๆ ได้ออกมาให้ความเห็น เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ในมุมมองทางการแพทย์ ได้อย่างน่าสนใจครับ

บทความนี้ หยิบมาจาก
https://www.facebook.com/permali … &id=100001483828461

บทความเต็มๆ แบบนี้ครับ

“น้ำผึ้ง มะนาว ลดความอ้วนได้ไหม ลดไขมันได้ไหม แบบเต็มฉบับ”

ที่จริงตอนแรกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พิมพ์ในtwitterสืบเนื่องจากบ่นเรื่องที่เจอมาในFacebook หลังจากนั้นมีคนเอามารวมก่อนจะเอาไปแปะในpantip … ซึ่งยังตามไปอธิบายเสริมได้
แต่เมื่อลามต่อไปที่Sanookและข่าวสด ฯลฯ ก็ตามไปเขียนอธิบายต่อไม่ไหวแล้ว ดังนั้นเขียนใหม่เลยดีกว่า
ไม่งั้นเข้าใจผิดแน่ๆ เพราะเนื้อความที่อ้างอิงไป นำไปจากtwitterและมีพาดหัวแบบฟันธง ซึ่งมันไม่ได้ครบถ้วนทั้งหมด

เรื่องคือ ทีแรกผมเห็นสูตรมะนาวฝานใส่กระปุกกินลดพุง ช่วงแรกที่อ่านก็แปลกๆนิดนึง แต่ไม่ได้อะไรมาก สูตรที่ให้มาบอกว่ากิน 1 ชิ้น ตามด้วยตักน้ำผึ้งกิน 1 ช้อนโต๊ะ ทำวันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า
ช่วงแรกที่เห็นก็โอเค แต่หลังจากนั้นเริ่มมีบางสูตรที่หลงผ่านเข้ามา แนะนำให้กิน 2 มื้อขึ้นไป เพื่อช่วยระบายลดไขมันหน้าท้อง ลดไขมันในเส้นเลือดและลดความอ้วน ตรงนี้คือส่วนที่ทำให้เริ่มต้องปรามแล้ว ไม่งั้นความเข้าใจผิดจะทำให้ไปกันใหญ่

<ignore_js_op style=”color: #444444;”>

น้ำผึ้ง + มะนาว ดีไหม
ถ้ากินตามสูตรแรกที่ออกมาอาจจะลดความอ้วนได้จริงและดีจริงเนื่องจาก ในสูตรกิน”ก่อนอาหารเช้า”
มีในบางงานวิจัย(ในหนู)ที่ให้หนูกินน้ำผึ้ง พบว่าในกลุ่มที่กินน้ำผึ้งมีการกินอาหารที่ลดลง , นอกจากนี้ในสูตรแรกที่แนะนำ คือการกินมะนาวแช่อิ่ม + เอาน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะมาใส่น้ำ1แก้ว”กินก่อนอาหาร”
การกินก่อนอาหารเช้าและใช้น้ำผึ้งซึ่งดูดซึมเร็วยิ่งทำให้ความอยากอาหารลดลง น้ำที่ลงไปทำให้พื้นที่ในการกินอาหารเพิ่มลดลง และการนำมาดื่ม ทำให้สามารถลดการดื่มน้ำหวานชนิดอื่นๆไปได้
แถมเมื่อรวมกับฤทธิ์ช่วยระบายของน้ำมะนาว กินเสร็จถ่ายสบายท้อง ดีกว่าไปซื้อยาระบายมากินเป็นไหนๆ

นอกจากนี้จากงานวิจัย คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งที่น่าจับตารอการวิจัยที่ชัดเจนอีกหลายเรื่องได้แก่
ใช้แทนน้ำตาล : ในปริมาณที่เท่ากัน น้ำผึ้งหวานกว่าน้ำตาล ดังนั้นหากใช้แทนน้ำตาลทรายผู้ป่วยจะได้รับแคลอรี่ลดลง
ไขมันในเลือด : บางงานวิจัยบอกว่าช่วยลดไขมันในเลือดได้ โดยลดไขมันชนิดไม่ดี LDL ลดไตรกรีเซอร์ไรด์ และไปเพิ่มไขมันชนิดดี HDL , แต่ทั้งนี้บางงานวิจัยพบว่าไม่มีผลต่อไขมันในเลือด
การควบคุมน้ำหนัก : บางงานวิจัยพบว่าสามารถลดน้ำหนักได้ บ้างว่าเพราะลดความอยากอาหาร บ้างบอกว่าลดได้แม้กินอาหารเท่ากัน แต่ในบางงานวิจัยไม่ช่วยลด และในบางงานวิจัยบอกว่าทำให้น้ำหนักเพิ่มแต่เพิ่มไม่เท่ากับกลุ่มที่กินน้ำตาล
น้ำตาลในเลือด : มีหลากหลาย ทั้งช่วยลดน้ำตาลในเลือด ไม่ลดน้ำตาลในเลือด หรือแม้แต่เพิ่มระดับน้ำตาลสะสมในเลือด
การต่อต้านการอักเสบ : เนื่องจากน้ำผึ้งไม่ใช่แค่น้ำตาล หากแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการย่อยและแปรรูปโดยผึ้ง จึงมีสารต่างๆหลายชนิด มีการตรวจหาการอักเสบหลังการบริโภคน้ำผึ้ง บ้างก็ว่าสามารถลดค่าการอักเสบได้ บ้างก็พบว่าลดไม่ได้

งานวิจัยส่วนมากที่ออกมา กลุ่มอ้างอิงมีไม่มาก และยังมีประเด็นที่ต้องระมัดระวังการนำออกมาใช้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการทดลอง มีการควบคุมอาหารและพลังงานที่ได้รับ ต่างจากนอกการทดลองที่ไม่มีการคุมอาหารและพลังงาน , งานวิจัยบางตัว เปรียบเทียบการกินน้ำผึ้ง กับการกินน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลฟรุคโตสเพิ่มเข้าไป หรือบางงานวิจัยก็แค่เสริมน้ำผึ้งเข้าไป การแปรผลจึงต้องระวัง

ถ้าน้ำผึ้ง/มะนาวดูมีคุณประโยชน์ ทำไมต้องออกมาบ่น

1. ปริมาณน้ำตาลมากเกินไป
จากสูตรแรกที่เห็นมะนาวดองน้ำผึ้ง กินก่อนอาหารเช้า แต่ภายหลังมีคนปรับเผยแพร่สูตรเพิ่มเติมเป็นกินเช้าเย็น
ในน้ำผึ้งหนึ่งช้อนโต๊ะมีน้ำหนักประมาณ21กรัม ปริมาณแคลอรี่ประมาณ 66-70 Cal
(น้ำตาลหนึ่งช้อนโต๊ะมีน้ำหนักประมาณ13กรัม แคลอรี่ประมาณ45-48 Cal
โดยคำแนะนำของ American Heart Association แนะนำว่าในผู้หญิงไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน100Cal และในผู้ชาย ไม่ควรเกิน 150Cal
การกิน 2 ช้อนโต๊ะของน้ำผึ้ง ให้พลังงาน 136 Cal ซึ่งเกินระดับที่แนะนำในผู้หญิง และเหลือที่อีกเพียง14Calในผู้ชาย
ดังนั้น การกินเสริมเข้าไปจึงเป็นสิ่งที่ต้องควรระวัง เพราะจะทำให้น้ำตาลที่ได้รับเกินปริมาณที่เหมาะสม

2. น้ำตาลฟรุคโตสเป็นน้ำตาลที่ต้องระมัดระวัง
ปัญหาที่ถกเถียงกันมาในระยะ10ปีมานี้คือ น้ำตาลฟรุคโตส เป็นของดีหรือของไม่ดี กันแน่
เพราะมีความเชื่อมโยงระหว่างน้ำตาลฟรุคโตสเข้ากับความอ้วนและโรคเมตาบอลิก ภาวะไตรกรีเซอร์ไรด์สูง ภาวะดื้ออินซูลิน ภาวะผิดปกติในตับ (ไขมันเกาะตับ)
น้ำผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลฟรุคโตส+กลูโคสผสมกัน จึงต้องระมัดระวังไว้ด้วย

3. การกินที่เป็นการกินเสริม ไม่ใช่กินทดแทน ไม่น่าจะดี
การกินเสริมเข้าไปในแต่ละวัน เท่ากับว่าคุณได้พลังงานเพิ่มเติมขึ้นไปอีก ถ้าเทียบพลังงานกับน้ำอัดลม จะพบว่าสูตรที่กินน้ำผึ้งวันละ 2 ช้อนโต๊ะ จะให้พลังงานเพิ่มเท่ากับการบริโภคโค้กกระป๋อง 1 กระป๋อง
น้ำหนักขึ้นไม่ยากเลยนะครับกับพลังงานส่วนเกินประมาณนี้

ถ้าหากในสูตรมีการกำหนดว่าให้กินทดแทนน้ำหวาน จะไม่มีปัญหามากนัก เพราะเมื่อลดของหวานก็เท่ากับลดน้ำตาล ก็ลดพลังงานส่วนเกินอื่นไป คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งก็เห็นได้ชัดขึ้น
แต่หากกินไปแล้ว ไม่ได้คุมอาหาร ไม่ได้ออกกำลังกายเพิ่ม รับประทานอาหารหวานมันเท่าเดิม , หรือไปกินก่อนนอน ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเสริมพลังงานเข้าไปในขณะที่ร่างกายกำลังเตรียมพักผ่อนนอนหลับไม่ขยับตัว … พลังงานที่ได้ก็จะกลายไปเป็นส่วนเกิน น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นอีก

บทสรุปสำหรับน้ำผึ้ง+มะนาว … จะกินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ลดน้ำหนัก และไม่เกิดโทษ

1. ไม่ควรกินตามสูตรที่ให้กินเช้าและก่อนนอน เนื่องจากสูตรนี้มีปริมาณน้ำตาลเกินอย่างชัดเจน
2. หากจะกินจริงๆ ให้กินตามสูตรแรกๆ ที่ให้กินเวลาเช้าเวลาเดียว กินก่อนอาหาร และกินผสมกับน้ำ เพื่อให้เกิดผลเรื่องการลดการกินอาหารเพิ่มเข้าไปร่วมด้วย
3. เปลี่ยนไปใช้สูตรน้ำมะนาว/น้ำผึ้ง ½-1 ช้อนชา ผสมน้ำแช่เย็น , หรือน้ำมะนาวเพียว ผสมน้ำเย็น/โซดา ดื่มแทนการดื่มน้ำอัดลม ชาเขียวบรรจุเสร็จ ชานมไข่มุก แบบนี้ลดแคลอรี่ส่วนเกินได้ชัดเจนและไม่ต้องห่วงเรื่องปริมาณน้ำตาลเกิน
4. หากจะลองดูและเปรียบเทียบน้ำหนัก ให้ชั่งน้ำหนัก”หลังจาก”การกินครั้งแรก เนื่องจากมะนาวมีฤทธิ์ระบาย(ในบางคน) หากไปชั่งน้ำหนักก่อนกิน มีโอกาสจะเข้าใจผิดว่าน้ำหนักลดทั้งที่จริงๆเกิดจากอุจจาระระบายไป
5. คนเป็นเบาหวาน ไม่ควรไปซื้อน้ำผึ้งเป็นขวดๆมากิน”เสริม” เพราะส่วนมากที่เห็น จะกินเสริมครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ ไม่ใช่การกิน”ทดแทน”ตามปกติ ทำให้มีโอกาสน้ำตาลสูงขึ้นกว่าปกติได้ หากต้องการจะบริโภคจริงๆ ต้องไปคำนวณปริมาณและแคลอรี่ให้ดี จากนั้นใช้”ทดแทน”น้ำตาลในรูปแบบอื่นที่บริโภคในแต่ละวันครับ